มาคำนวณค่าใช้จ่ายคร่าวๆกันเถอะ

No Gravatar

ค่าใช้จ่าย

เนื่องจากค่าใช้จ่ายของแต่ละรัฐจะไม่เหมือนกันขึ้นอยู่กับค่าครองชีพ ในแต่ละเมือง โดยทั่วไปแล้วค่าใช้จ่ายในเมืองใหญ่ๆมักจะแพงกว่าเมืองเล็กๆมาก หรืออาจจะ 2-3 เท่าเลยทีเดียว แต่ก็ไม่แน่เสมอไป เมืองเล็กๆแต่เป็นเมืองท่องเที่ยวก็สามารถมีค่าครองชีพที่แพงได้ นักเรียนเอเชียมักจะเลือกเรียนรัฐที่อยู่ทางตะวันตกของสหรัฐอเมริกาเช่น California เป็นต้น เราสามารถประเมินค่าใช้จ่ายต่อไปนี้เป็นค่าใช้จ่าย ที่จำเป็น แบ่งการใช้จ่ายออกเป็นสี่ส่วนดังนี้

1 รายวัน

  • ค่ารถ bus และ subway โดยทั่วไปสำหรับนักเรียนเมื่อแสดงบัตรแล้วจะไม่ต้องเสียค่าโดยสารแต่อย่างใด รถจะมาค่อนข้างตรงเวลามากๆ สามารถนำจักรยานติดหน้ารถหรือท้ายรถ busได้โดยพนักงาน จะลงมาช่วยเรายก ในกรณีที่เราต้องการความช่วยเหลือ ในเมืองใหญ่ที่มี subway ก็จะสามารถซื้อตั๋ว transit ไปยังระบบอื่นได้
  • ค่าอาหาร อาหารสดจะมีขายในซุปเปอร์มาเก็ต ในสหรัฐจะไม่ค่อยมีตลาดสด (open air market)เหมือนบ้านเรา ที่นี่ร้านจะเปิดตลอด 24 ชั่วโมงและอาหารสดจำพวกผัก เนื่อ หมู ไก่ นำผลไม้ นม จะราคาไม่แพงมากนักจะพอๆกับเมืองไทยเรา บางครั้งสามารถซื้อมาทำที่บ้านและเก็บไว้ทานได้หลายๆวัน ตามเมืองที่หนาวๆหน่อย อาหารจะเสียยาก สามารถเก็บไว้ได้นาน แต่อาหารจะเสียความชื้นค่อนข้างเยอะ ดังนั้นควรใช้พลาสติก wrap ปิดไว้ก่อนเก็บในตู้เย็น ค่าอาหารเฉลี่ยต่อวันก็ 5-10 เหรียญถ้าทานข้าวนอกบ้าน ในกรณีทึ่ทำกับข้าวทานเอง จะเซ็ฟเงินได้พอสมควร

2 รายเดือน

  • ค่า เช่าอพาร์ทเมนท์ สำหรับคนเดียว ก็ประมาณ 500 – 1000 เหรียญ โดยทั่วไปอพาร์ทเมนท์ก็จะมีตั้งแต่ studio, one-bed, two-bed มีครัวไว้ทำกับข้าวและห้องน้ำ ถ้าอยากอยู่ถูกๆหน่อย ก็ต้องหา shared house ซึ่งจะเป็นบ้านที่เจ้าของให้เช่าเป็นห้องๆไป อาจจะอยู่ใต้ดินก็ได้
  • ค่าน้ำปะปาส่วนใหญ่จะฟรี,ค่าไฟแล้วแต่ ประมาณ 30-50 เหรียญ (โดยทั่วไปจะรวมทั้งค่าไฟฟ้าและก็ค่าแก็สสำหรับเครื่องทำความร้อนไป ด้วย) ค่าเคเบิ้ลทีวี 30-60 เหรียญ (แล้วแต่จะเลือกตามความต้องการ)
  • ค่าโทรศัพท์บ้านเหมาจ่าย 20-30 เหรียญ ส่วนใหญ่จะโทรได้เป็นแบบ local call ภายใน area code นั้นๆ ผมว่าซื้อมือถือน่าจะสะดวกที่สุดนะครับ เพราะเกือบทั้งหมดจะโทรทั่วประเทศด้วย rate เดียวกัน (nationwide long distance) บางที่ให้เครื่องฟรีแต่เสียค่ารายเดือน หาดู deal ได้ตามร้าน Bestbuy หรือ shop ของ AT&T, Verizon, etc. ถ้าซื้อ iPhone หรือ Blackberry รายเดือนก็จะแพงมาก
  • ค่าอินเตอร์เน็ต 20 – 50 เหรียญแล้วแต่เทคโนโลยีและสปีด

3 รายเทอมการศึกษา

  • ค่าเรียนจะแตกต่างกันในแต่ละสถาบัน แต่ลองศึกษาดูจากตารางข้างล่างนี้คร่าวๆก่อน

Estimated Average Costs for U.S. Colleges and Universities

Private
Schools

State
Schools

(non-resident)


High
Cost

Low
Cost

High
Cost

Low
Cost

Tuition & Fees

$29,000

$13,000

$15,000

$7,000

Room & Board

7,500

4,500

7,500

4,500

Books & Supplies

1,500

1,500

1,500

1,000

Personal Expenses

8,500

4,500

7,000

3,500


Total

$46,500

$23,500

$31,000

$16,000

  • ค่าประกันสุขภาพโดยทั่วไปจะรวมอยู่ในค่าเรียนในแต่ละเทอมทั้งนี้ขึ้นอยู่กับ แต่ละสถาบัน บางสถาบันก็ให้นักเรียนติดต่อทำประกันสุขภาพเอง ตามกฏหมายแล้วต้องทำประกันสุขภาพด้วยก็ประมาณ 50-500 เหรียญ

4 อื่นๆ

  • รถยนต์ มีตั้งแต่ 3000 เหรียญถึง 20000 เหรียญ อาจจะเป็นรถมือสองหรือรถใหม่ทั้งนี้ราคาจะบ่งบอกถึงสภาพของรถยนต์ด้วย นอกจากนั้นค่าประกันรถซึ่งจะต้องมีทุกคันไม่งั้นผิดกฏหมายโดยทั่วไปก็จะมีตั้งแต่ 1200-2000 เหรียญต่อปี ขึ้นกับว่าจะเลือกแบบไหน full coverage หรือ liability สำหรับค่านำมันก็ประมาณ 10 เหรียญ ต่อสัปดาห์ (คร่าวๆนะครับ เดี๋ยวนี้น้ำมันแพง)
  • จักรยานก็ประมาณ 50-200 เหรียญทั้งนี้หากต้องการจักรยานใช้แล้วก็มีหาจากประกาศตามบอร์ดต่างๆ 30-100 เหรียญตามสภาพ การใช้จักรยานก็ขึ้นอยู่กับสภาพภูมิประเทศนั้นๆด้วย เห็นตอนนี้รถจักรยาน cruiser กำลังฮิต
  • คอมพิวเตอร์ PC/Laptop ต้องมีเพราะจำเป็นมากและราคาก็ไม่แพงไปกว่าในเมืองไทย ไม่จำเป็นต้องซื้อมาจากเมืองไทย หาซื้อได้ตามร้าน Bestbuy หรือร้าน online เช่น dell.com, lenovo.com ตอนนี้เห็นว่า Walmart กำลังรุกตลาดคอมพ์ราคาถูกอยู่ หลังจากร้านคอมพ์ดังๆปิดกิจการไปหลายราย

หมายเหตุ ที่นี่สินค้าที่เราซื้อมาสามารถคืนได้ภายในเวลาที่กำหนด 14 วันถึง 30 วันเพราะฉนั้นรับประกันได้เลยว่าคุ้มกับเงินที่เราเสียไป ไม่ต้องเกรงใจครับว่าคนขายจะคิดยังไงกับเราเพราะคนขายเขาทำหน้าที่ของเขา อยู่แล้ว แต่ต้องเก็บหลักฐานในการซื้อไว้ด้วยเช่น สลิปและก็กล่องสินค้าพยายามทำให้อยู่ในสภาพเดิม ของ electronics อย่างเช่นเครื่องคอมพ์อาจจะมี restocking fee นะครับ นั่นคืออาจไม่ได้เงินคืนทั้งหมด นอกจากนั้นสินค้าบางอย่างราคาถูกมากถ้ามี Mail in rebate แต่เราต้องจ่ายราคาเต็มไปก่อนแล้ว ก็เราส่งฟอร์ม mail in rebate ฟอร์ม ตามไปทีหลังเพื่อให้ส่งเงินส่วนลดคืนมา แต่อาจจะต้องรอหลายสัปดาห์กว่าจะได้เงินส่วนลด